ข้อควรคำนึงในการทำประกันรถ

1. ความยากง่ายในการเคลม : อย่าลืมพิจารณาเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวที่สุดสำหรับบางที่ที่เน้นราคาถูกอย่างเดียว แต่เวลาเกิดมีปัญหา แล้วเคลมยากมาก หรือเคลมไม่ได้ในหลายกรณี หรือเคลมได้แต่เล่นให้ซ่อมอย่างเดียว ไม่ยอมเปลี่ยนให้ทั้งที่ควรจะเปลี่ยน เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริงๆ 

2. อู่ในเครือ : จำนวนและคุณภาพของอู่ในเครือเป็นสิ่งสำคัญ ในยามที่เกิดปัญหา ต้องเอารถเข้าอู่ เราก็ต้องเป็นห่วงรถว่า ซ่อมออกมาจะดีไม๊ สีจะเพี้ยนรึเปล่า อะไหล่ใช้ของแท้หรือไม่ จะถอดอะไรในรถไปหรือไม่ จอดไว้อุปกรณ์จะหายหรือไม่ ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน เข้าไปตรวจงานยากง่ายเพียงใด ใกล้ไกลแค่ไหน ควรจะมีรายชื่อของอู่ คร่าวๆไว้ตรวจดูบ้าง 

3. สายตัวแทนที่ท่านทำประกัน : บางกรณีเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า ซ่อมออกมาแบบนี้ใช้ได้แล้ว บางครั้งถ้าเราไม่พอใจก็เป็นเรื่องที่หาเหตุผลมาพูดยากแต่ดูแล้วรู้สึกว่า มันไม่สวยเหมือนเดิม อันนี้นอกจากบริษัทที่ดีมีความรับผิดชอบแล้ว ยังขึ้นอยู่กับสายตัวแทนของท่านด้วยว่า แข็งเพียงใด สายตัวแทนที่แข็งจะต้องอยู่ข้างลูกค้าและสั่งเปลี่ยนอู่ให้ได้ ถ้างานออกมาแล้วลูกค้าไม่พอใจ 

4. ประวัติการจ่ายเงิน : ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีเงินทองแต่ละที่ก็หมุนกันไม่ทัน บางบริษัท ยืดเวลาการจ่ายให้อู่ ออกไป ทำให้อู่ไม่อยากรับงานของบริษัทนั้น หรือรับแล้วดองไว้ และอ้างว่าอะไหล่ขาดตลาด รออะไหล่ รอคิว งานเยอะ สารพัดต่างๆนานา ทำให้เราเดือดร้อนไปด้วย ท่านอย่าลืมเลียบๆเคียงๆลอง ถามอู่ไหนดูก็ได้ว่า ประกันที่ไหนจ่ายช้าหรือเบี้ยวบ้าง ท่านอาจจะได้คำตอบที่แปลกใจก็ได้ 

5. ราคา : ส่วนมากแล้วราคาจะเป็นปัจจัยแรกที่ทำให้สนใจ แต่อย่าลืมว่าธุรกิจประกันมีกฎหมายควบคุม โอกาสจะต่างกันมากมายนั้นไม่มีทางบางที่ถูกแต่เคลมยาก หรือมีปัญหาอื่นๆซ่อนอยู่ บางที่แพงแต่เคลมได้เต็มที่คุ้ม ยิ่งถ้าเป็นรถของคุณสุภาพสตรี หรือลูกสางท่านละก็ดูเรื่องอื่นเป็นหลักดีกว่า เช่นความสุภาพของพนักงาน การบริการ และอื่นๆ จะหาที่ถูกที่สุดแล้วดีที่สุดเห็นทีจะยาก แต่ถ้าราคาพอดีๆแล้วดีที่สุดนี่เป็นไปได้ แล้วจริงๆที่ว่าถูกกับแพงนี่มันต่างกันแค่ไม่กี่ร้อย หรือพัน เช่น ... ท่านสนใจของที่ ประกัน X .... 15,000 บาท แต่ บริการไม่ดีและมีประวัติเคลมยาก ส่วน ประกัน A .... 17,000 บาท มีชื่อเสียง บริการดี เคลมง่าย อู่เยอะและดี กรณนี้ถ้ามีปัญหาขึ้นมา เงินที่ต่างกัน 2,000 จะหมดความหมายไปทันทีถ้าท่านได้ อะไหล่แท้ เปลี่ยนชิ้นใหม่ สีคุณภาพของแท้ แค่นี้ 17,000 ก็คุ้มกว่าแล้วครับ ถ้าต้องจ่าย 15,000 แล้วเกือบไม่มีความหมายต้องมาเหนื่อย หัวเสียอีก จ่าย 17,000 แล้ว เคลมง่าย คุยง่าย อะไหล่ดี อู่อยากรับงานเพราะจ่ายดี ดีกว่า แล้วยังความสบายใจนอนหลับ ไม่ต้องกังวลว่าจะงัดไม้ไหนไปคุยกับประกัน ท่านที่เคยเจอปัญหาคงซึ้งใจพะยะคะ! 

6. วงเงินประกัน : นี่ก็เป็นอีกตัวนึงที่ เอาไปเล่นเรื่องราคาเพราะฉะนั้นท่านต้องดูให้ดีว่า ค่าเบี้ยประกันเท่านี้ให้วงเงินประกันเท่าไหร่ถ้าบอกว่าค่าเบี้ยประกันถูกแต่วงเงินประกันต่ำมันก็ไม่เรียกว่าถูก แต่ถ้าค่าประกัน สูงแต่วงเงินประกันสูงก็ไม่เรียกว่าแพงเช่นกัน ต้องดูให้ดี นอกจากนั้น บางที่ก็ยืดหยุ่นตรงนี้ได้ เช่น... ยกตัวอย่างจากข้อที่แล้ว ถ้าท่านอยากทำประกันกับ บริษัทดีอย่างบริษัท A แต่ค่าเบี้ย 17,000 ซึ่งตรงนี้ ให้วงเงินประกัน 80% ของมูลค่ารถ แต่ท่านคืดว่าไม่จำเป็นต้องการวงเงินถึงเท่านี้ (ซึ่งการซ่อมจากกรณีทั่วๆไปก็ใช้ไม่ถึง 1 ใน 4 ของวงเงินด้วยซ้ำ) แต่อยากได้บริการดีๆ จากบริษัท A อยู่ ท่านก็ลดวงเงินประกันลงมาเหลือ 75% ของมูลค่ารถได้ และค่าเบี้ยก็จะลดลงมาอีก ดดยที่ยังได้บริการดีๆเหมือนเดิม 

7. การบริการ : ให้ความคุ้มครองเลยหรือไม่ ดูรถกันยากง่ายแค่ไหน มีเคล็ดลับส่วนตัวบอกกันหรือไม่ จ่ายเงินสะดวกมากน้อยแค่ไหนมีบริการพิเศษยังไงเอาใจเราดีไม๊ คุยง่ายเป็นกันเองไว้ใจได้หรือเปล่า ให้ข้อมูลให้ความมั่นใจ ได้เต็มที่ตอบทุกข้อสงสัยและแนะนำเราได้ ยังไงประกันรถก็เป็นเรื่องที่ ถ้ามีปัญหาคนจะต้องติดต่อกัน เพราะฉะนั้นท่านควรจะรู้ว่าท่านติดต่อใครมีประสบการณ์แค่ไหน และเค้าจะรับผิดชอบให้เราได้หรือไม่ เมื่อมีปัญหา แม้ว่าผู้รับทำประกัน กับพนักงานไปรับเคลมในตอนเกิดเหตุจะคนละฝ่ายกัน แต่ตัวแทนที่ดีจะต้องช่วยท่านได้ในยามที่ ท่านต้องการ